หาดละไม เกาะสมุย

    ผมกำลังนอนร้องเพลงเกาะสมุยมีดีอะไร อยู่ในบ้านนกคุ๊กคูหลังเดี่ยวน่ารักแถวๆหาดละไม  ราคาไม่แพงครับสามร้อยเศษๆ  ช่วงนี้จน  จ๊น จน  ไม่มีเงินพักโรงแรมดีๆ    แต่ก็นั่นแหละเหมือนสุภาษิตจีนที่ว่าในดีมีเสีย ในเสียมีดี  นอนพักในบังกะโลริมหาดมีความสุขไปอีกแบบครับ  ได้ไอกลิ่นทะเลชุ่มปอดทีเดียว  ดีกว่านอนสูดไอกลิ่นแอร์จากเครื่องปรับอากาศเป็นไหนๆ

         บ้านนกคุ๊กคูที่ผมกำลังนอนพิมพ์บทความอยู่นี้  เป็นเรือนไม้หลังเล็กๆน่ารัก  ไม่มีแอร์  ไม่มีโทรทัศน์ให้รำคาญโฆษณาละครขายยา  เปิดหน้าต่างให้กลิ่นทะเลพัดเข้ามากรุ่นๆ    วะ  วะ  ว้าว   สดชื่นครับ  ทำให้คิดถึงเรือนหลังน้อยของหนุ่มชาวเลในสมัยก่อน 

         อันที่จริง  ผมมีชีวิตวนเวียนอยู่ในสุราษฎร์ธานีถึงสี่ปี  แต่บุญไม่ทำกรรมไม่ส่ง  ไม่เคยได้แวะเวียนมาเที่ยวเกาะสมุย  ซ๊ากกะที   เพิ่งจะวันนี้ละครับที่ได้เหยียบแผ่นดินเกาะสมุย  หลังจากเสร็จธุระงานเมื่อห้าโมงเย็นของวันที่ 6  ตุลาคม 2553  
         
ที่พักกับทะเลห่างกันเพียงร้อยเมตรเห็นจะได้
     ผมนั่งเรือจากฝั่งดอนสักมาลงเรืออีกฟากหนึ่งของทะล (ฝั่งที่เป็นเกาะสมุย)ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ  ออกจากท่าเรือดอนสักราวสองทุ่มมาถึงเกาะสมุยก็ราวๆสามทุ่มครึ่ง  นั่งรถต่อมาที่หาดละไมอีกราวๆยี่สิบนาที ก็เกือบสี่ทุ่ม จึงเข้าที่พักรีบหลับเอาแรงก่อน วันพรุ่งจะได้รีบตื่นไปรับพระอาทิตย์ที่ริมหาดแต่เช้าตรู่   โย่  โย่  จะได้เห็นพระอาทิตย์ยิ้มรับทะเลแล้ว  เพี้ยง ขอให้ท้องฟ้าเปิดเถิด  อย่าได้มีเมฆ  อย่าได้มีฝน ในตอนเช้าเลย  เจ้าประคู้นนนนนนนเมื่อวาน เปิดบล็อกพาเที่ยวเกาะสมุยภายหลังเสร็จภาระกิจงาน เป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดจากภาระกิจ เอาเป็นว่าเราหยุดเรื่องเครียดๆเกี่ยวกับงานวิชาการแล้วพักร้อนในหน้าฝนกันสักวันก็แล้วกันครับ ค่ำนี้จึงขอสานต่อเรื่องที่เขียนไว้เมื่อวานให้ตลอดรอดฝั่ง ระหว่างกำลังคิดเรื่องที่จะเขียนก็ลองลิงก์เพลงเกาะสมุยมาฝากสร้างบรรยากาศเที่ยวเกาะสมุยหน้าฝนกัน เพลงกำลังดังพอดี


          (เขียนต่อ)คืนที่ผ่านมาผมนอนพักที่บังกะโลริมหาดแห่งหนึ่งด้วยหวังใจที่จะตื่นเช้าได้ชมพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ครั้นพอใกล้รุ่งลืมตาตื่นได้ยินเสียงดังเปาะแปะๆ เสียงฝนน่ะครับอย่าได้เข้าใจผิด ก็เลยปลงอนิจจังตั้งแต่เช้าเลยว่า อดดูพระอาทิตย์กับทะเลจุมพิศกันซะแล้ว ใหนๆก็ใหนๆ ไม่ต้องรีบตื่นดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็นอนต่อคลุมโปงยาวไปจนกระทั่งเจ็ดโมงเช้า แล้วออกไม่นั่งจิบกาแฟริมชายหาด แหม ก็ไม่โชคร้ายซะทีเดียวนะ ถึงไม่มีพระอาทิตย์ให้ชม แต่เช้านี้ก็สดชื่นแจ่มใส ขาดก็แต่สาวน้อยคอยเสริฟกาแฟเท่านั้น ฮา

           เก้าโมงเศษไปชมหินตาหินยาย ฮะฮา ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมตายายจึงต้องอยู่เปลี่ยวเอกาไม่มีลูกหลานให้เชยชม   ก็เพราะตายายคู่นี้งอนกันนั่นเองครับ ยายน่ะเปิดใจรับตะวันอยู่อีกด้านหนึ่งของหาด ส่วนตาก็อยู่ห่างไปอีกตั้งราวร้อยกว่าเมตร แล้วอย่างนี้จะกระชุ่มกระชวยยังไงไหว เศร้าจัง  อ้อ ตลอดแนวถนนเดินไปยังหินตาหินยายนี่  มีร้านขายกะละแมครับเรียงระดะไป  แม่ค้าชวนชิมซะจนอิ่มเชียว แถมหัวใจยังเกือบๆจะตกหายซะที่ร้านขายกะละแมอีกดวง จะไม่ให้หล่นหายได้ไง ลูกสาวแม่ค้าช่างน่ารักหน้าหงิกถูกใจซะเหลือเกิน ผมแพ้ทางสาวหน้าหงิกครับ เห็นหงิกๆแล้ว อดไม่ได้ที่อยากจะหยิกให้งอน เสร็จภาระกิจดูหินตาหินยายก็แวะไปทำบุญไหว้พระครับ ได้กราบหลวงพ่อแดงสรีระศักดิ์สิทธิ์ที่สักการะของชาวสมุย และ พระใหญ่ที่บ่อผุด เป็นอันเสร็จภาระกิจในวันนี้ครับ เวลาเที่ยวมีน้อยก็เลือกๆเฉพาะที่สำคัญครับ เพราะต้องกลับตอนเที่ยงตรง บ๊ายบายเกาะสมุย

ความคิดเห็น